![]() |
| ตับอ่อน PANCREASE |
โดยปกติตับอ่อนเป็นได้ทั้งต่อมมีท่อและต่อมไร้ท่อ
ในหน้าที่ของต่อมมีท่อ ตับอ่อนสร้างน้ำย่อยไปสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น
และหน้าที่ของต่อมไร้ท่อ คือสร้างฮอร์โมน อินซูลิน (Insulin) และกลูคากอน (glucagon) ควบคุมเมตาโบลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
ส่วนที่สร้างฮอร์โมนของตับอ่อนอยู่บริเวณเนื้อเยื่อที่เรียกว่า ไอสเลท ออฟ
ลางเกอร์ฮานส์ (lslet of Langerhans) เนื้อเยื่อเหล่านี้มีเส้นเลือดเข้าไปเลี้ยงแต่ไม่มีท่อติดต่อกับอวัยวะอื่น
ภายในไอสเลท ออฟ
ลางเกอร์ฮานส์ มีเซลล์สำคัญๆ อยู่2 ชนิดคือเซลล์ขนาดเล็ก
เรียกว่า (β) เซลล์(เบตาเซลล์) ภายในเซลล์มี เม็ดเล็กๆ (granule)
ซึ่งย้อมติดสีซูไอโซยานิน(pseudoisocyanin) เซลล์เหล่านี้ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน
อีกชนิดหนึ่งเป็นเซลล์ขนาดใหญ่กว่ามาก แต่มีจำนวนน้อยกว่า พบบริเวณๆของไอสเลท ออฟ
ลางเกอร์ฮานส์ เรียกว่า(α)
เซลล์ (แอลฟาเซลล์) ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนกลูคากอน
อินซูลินมีหน้าที่ควบคุมเมตาโบลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
โปรตีน ไขมัน อินซูลินจะกระตุ้นกลูโคสให้เปลี่ยนเป็นเป็นไกลโคเจน, กรดอะมิโน ให้เปลี่ยนโปรตีน , กรดไขมันให้เป็นไตรกลีเซอไรด์(Triglycerides)
เมื่อขาดฮอร์โมน
อินซูลิน ตับไม่สามารถเปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นไกลโคเจน
ดังนั้นกลูโคสในร่างกายจึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนเพื่อเป็นแหล่งพลังงานได้
ร่างกายจึงใช้การสลายไกลโคเจนจากตับออกเป็นกลูโคสเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือด
และตับยังสามารถเปลี่ยนโปรตีน เป็นกลูโคสได้อีกนอกจากนั้นตับยังเปลี่ยนกรดไขมันให้กลายเป็นคีโตน
บอดี ซึ่งเป็นสารพิษต่อร่ายกายอีกด้วย
อาการของการขาดฮอร์โมน
อินซูลิน ได้แก่
ก. ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ (hyperglycemia)
เพราะการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกายลดลงรวมทั้งไม่สามารถเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจน
และยังเปลี่ยนโปรตีน
ให้เป็นกลูโคส
ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 400 มก./100 ลบ.ซม. เรียกว่าเป็นโรคเบาหวาน
(Diabetes mellitus)
ข. ปริมาณกรดไขมันและคีโตน บอดี (Ketone
body) ในเลือดเพิ่มขึ้น (hyperlipemia and ketonemia) เนื่อจากการขาดอินซูลินทำให้เกิดการสลายไขมันจากเยื่อไขมัน
พร้อมกันนั้นตัวเปลี่ยนกรดไขมันเป็นคีโตน
บอดีมากขึ้นผิดปกติทำให้เกิดการเสียสมดุลของการเป็นกรด
เบสเพราะมีฤทธิ์กรดเพิ่มมากขึ้น (acidosis)
ก.
ปัสสาวะมากกว่าปกติ
เพราะโปรตีนเปลี่ยนเป็นกลูโคสมากขึ้น
ทำให้แอมโมเนียเกิดขึ้นมากผิดปกติแล้วเปลี่ยนเป็นยูเรียผิดปกติ นอกจากนั้นมีคีโตน
บอดีมากทำให้เกิดการเร่งขับสารเหล่านี้ออกทางปัสสาวะ
จึงถ่ายปัสสาวะบ่อยและครั้งละมากๆ และเมื่อมีน้ำตาลเกิน 400 มก./100
ลบ. ซม. ไตไม่สามารถดูดน้ำตาลเหล่านั้นคืนเข้าเลือดได้ให้เป็นเบาหวาน

ฮอร์โมนกลูคากอน
ทำหน้าที่กระตุ้นไกลโคเจนที่สะสมอยู่ที่ตับให้เปลี่ยนเป็นกลูโคสออกสู่ระบบหมุนเวียนเลือด
แต่ไม่กระตุ้นไกลโคเจนในกล้ามเนื้อให้เปลี่ยนเป็นกลูโคส
นอกจากนั้นกลูคากอนยังกระตุ้นเบตาเซลล์ให้หลั่งอินซูลิน
เฉพาะที่ลำไส้เล็กและกระเพาะอาหาร
กลูคากอนจะลดการเคลื่อนไหวของอวัยวะทั้งสองนี้รวมทั้งไปลดปริมาณการหลั่งของสารต่างๆ
จากกระเพาะและตับอ่อน ถึงแม้จะขาดกลูคากอน
ก็ไม่ทำให้เกิดโรคกระเพาะยังมีฮอร์โมนอีกหลายชนิดทำหน้าที่ได้คล้ายคลึงกับกลูคากอนมาใช้ทดแทนกันได้
แต่ถ้าขาดอินซูลินแล้วจะมีผลมากเพราะไม่มีฮอร์โมนอื่นทดแทน
ในกรณีที่เป็นเบาหวานแล้วฉีดอินซูลินเข้าไปนั้นทำให้อาการทุเลาลงชั่วคราวเท่านั้น
เนื่องจากเบตาเซลล์ไม่สามารถทำหน้าที่สร้างอินซูลิน
คนเป็นเบาหวานนั้นไม่เป็นอันตรายถ้าควบคุมปริมาณอาหารให้พอดีจะมีชีวิตปกติ
แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพราะเบตาเซลล์เสื่อม

ต่อมไธรอยด์ (Thyroid gland)
ต่อมนี้มีอยู่ 2
ข้างของคอหอย มีลักษณะเหมือนตัวผีเสื้อ ต่อมนี้เมื่อประมาณ 1,800
ปีที่แล้วกาเลนผู้เป็นแพทย์ชาวกรีกอธิบายว่า
ต่อมนี้ช่วยในการหล่อลื่นทำให้พูดคล่องขึ้น ต่อมาอีก 1,400 ปี
เวสาเลียส (Vesalius) พบว่าไม่มีท่อลำเลียงสารหล่อลื่นจากต่อมนี้
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1833 อี.โคเชอร์ (E .Kocher) ศัลยแพทย์สวิส เปิดเผยว่า หลังจากตัดต่อต่อมนี้ออกจากคนไข้ 24 ราย ทำให้คนไข้มีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนแอมากขึ้น
มือเท้าและใบหน้าบวมในที่สุดบวมทั้งตัว ผิวหนังแห้งแข็งความจำเสื่อม
ทดลองตัดต่อมไธรอยด์ในสัวต์ออกแล้วปรากฏว่าเกิดเตื้ยแคระ
ที่เรียกว่า เครตินิซึม (Cretinism) เหมือนๆกับคน
ใน ค.ศ. 1895 แมกนัส เลวี (Magnus Levy) ทดลองตัดต่อมไธรอยด์ของแกะมาทำให้แห้งแล้วบดละเอียด นำมาให้คนปกติกัน ปรากฏขบวนการต่างๆ
ของร่ายกายทำงานเพิ่มขึ้น ต่อมาแพทย์ได้ใช้ต่อมไธรอยด์ของแกะให้คนไข้ที่สร้างฮอร์โมนจากต่อมนี้ไม่ได้กินหลังจากบดต่อมนี้ให้ละเอียดแล้ว
ต่อมาใน ค.ศ. 1896 ซี.แชด.บาว์มานน์ (C.Z. Baumann) พบว่าปริมาณไอโอดีนจากต่อมไธรอยด์นี้มีปริมาณสูงกว่าไอโอดีนที่เนื้อเยื่ออื่นๆ
ถึงร้อยเท่า และคนที่อยู่บริเวณไกล้ทะเล จะมี ปริมาณไอโอดีนเข้มข้นกว่าคนที่อยู่ไกลทำเล
เป็นการค้นพบครั้งแรกที่ยืนยันว่า
ไอโอดีนจำเป็นสำหรับการสร้างฮอร์โมนของต่อมไธรอยด์
ต่อมาใน ศตวรรษที่ 19
เดวิด มารีน (David Marine) พบว่าคนที่อยู่ห่างไกลจากทะเลเป็นโรคคอหอยพอก
(goitre) มากกว่าคนที่อยู่ใกล้ทะเล
และได้ทดลองต่อไปถึงการไม่ให้อาหาร
ที่มีไอโอดีนกับสัตว์ ปรากฏว่าสัตว์ทดลองเป็นโรคคอหอยพอก
แต่เมื่อให้อาหารที่มีไอโอดีนเล็กน้อยแก่สัตว์เล่านั้นแล้วสัตว์หายจากเป็นโรคคอหอยพอก
จึงทดลองเติมไอโอดีนลงในน้ำดื่มและเกลือแกง
ในต้นศตวรรษที่ 20
พบว่ากลุ่มเซลล์ที่เรียกว่าไธรอยด์
ฟอลลิเคิล (Thyroid follicle) เป็นกลุ่มเซลล์กลมๆ
มีเซลล์ชั้นเดียวและกลางตรงกลางนั้นทำหน้าที่สร้างไธรอกซิน
ฮอร์โมนนี้สามารถกระตุ้นเมตามอร์โฟซิสของพวกสัตว์ครึ่งน้ำครึ้งบกให้เปลี่ยนจากลูกอ๊อดเป็นตัวโตเต็มวัย
และถ้าขาดฮอร์โมนนี้ลูกอ๊อดจะไม่เปลี่ยนเป็นตัวโตเต็มวัย แต่ถ้าฮอร์โมนนี้มากไปก็ไปเร่งให้เกิดเมตามอร์โฟซิสเร็วกว่าปกติ
ในคนถ้าฮอร์โมนนี้น้อยกว่าปกติมีผลทั้งร่างกายและจิตใจทำให้รูปร่างเตี้ยแคระปัญญาอ่อนเรียกว่า
เครตินิซึม (Cretinism)(ความแตกต่างระหว่าง Dwarfism กับ Cretinism นั้นอยู่ที่ Dwarfism มีอัตราส่วนระหว่างส่วนบนกับส่วนล่างเท่ากับ 1:1 แต่
Cretinism ไม่อยู่ในอัตรานี้และ Cretinism ยังอ้วนฉุอีกด้วย)
แต่ถ้าขาดฮอร์โมนนี้ตอนโตเต็มวัยจะเกิดโรคมิกซีดีมา (Myxedema)
ร่างกายอ่อนแอ จิตใจหดหู่ ความคิดช้า ถึงแม้กินอาหารน้อยก็อ้วนได้
เพราะอัตราการเผาพลาญหรือเมตาโบลิซึมต่ำมากจึงเก็บสะสมไขมันไว้ได้มาก
อาการเหล่านี้อาจจะจะรักษาให้ดีขึ้น ถ้าฉีดไธรอกซินให้คนไข้นั้น
ในกรณีที่ร่างกายขาดไอโอดีนจะเกิดโรคคอพอก
(simple goiter) เพราะต่อมไธรอยด์ไม่สามารถสร้างไธรอกซินได้ คอโตขึ้นอละอาการเหมือน โรคเครติซึม
เนื่องจากต่อมใต้สมองสร้างฮอร์โมน TSH
กระตุ้นต่อมไธรอยด์มากเกินไปแต่ต่อมนี้สามารถสร้างไธรอกซินออกมายับยั้งการหลั่ง
TSH อาการคอพอกนี้จะหายได้ถ้าได้รับไอโอดีนพอเพียง
ยังมีอาการคอพอกอีกชนิดหนึ่งเป็นชนิดเป็นพิษหรือรุ่นแรงเรียกว่า
คอพอกเป็นพิษ (Toxic goiter) มีอาการคอพอกเล็กน้อย ตาโปนเกิดเพาระต่อมไธรอยด์โดนกระตุ้นให้ทำงานมากผิดปกติตัวต่อมจึงขยายโตขึ้นและสร้างไธรอกซินมากผิดปกติ
การรักษาอาจต้องตัดบางส่วนของต่อมทิ้ง
หรือทำลายเนื้อเยื่อบางส่วนของต่อมโดยการฉายรังสีหรือฉีดสารแอนติบอดีเข้าไปทำลายต่อต้านสาร
ที่มากระตุ้นต่อมไธรอยด์ คนไข้ที่เป็นโรคนี้ทั้งกล้ามเนื้อและประสาททำงานมากกว่าปกติ
หัวใจเต้นแรงเร็วเหนื่อยง่าย หิวบ่อย กินจุน้ำหนักลด เรียกว่า โรคเกรฟ (Grave’s
disease)
ปัจจุบันนอกจากจะค้นพบว่ามีไธรอยด์ฟอลลิเคิลในต่อมไธรอยด์แล้วยังมีเซลล์พาราฟอลลิคูลาร์
(Parafollicular cells) หรือ ซี (C) เซลล์สร้างฮอร์โมน แคลซิโตนิน (Calcitonin)
ทำหน้าที่ลดปริมาณแคลเชียมในเลือด โดยการดึงไปรวมไว้ที่กระดูก
ทำให้กระดูกหนาขึ้น
ตัวการสำคัญในการควบคุมการสร้างและหลั่งฮอร์โมน
แคลซิโตนิน คือปริมาณแคลเชียมอิออน (Ca2+) ในเลือดและน้ำเหลือง
ในคนถ้าปริมาณ Ca2+ สูงกว่า 9 มก./100 ลบ. ซม. ฮอร์โมนแคลซิโตนินจะหลั่งออกมา
นอกจากนั้นแคลซิโตนินยังมีผลต่อไต
โดยกระตุ้นให้ไตขจัดฟอสเฟตมากด้วย

Emperor Casino Review | Play Online for Free
ตอบลบOur 바카라 review of Emperor Casino ⭐ Learn all about the games, bonuses, games, promotions and much more. Rating: 3.9 · 1xbet korean Review by Shootercasino 제왕카지노